เหรียญพระพุทธชินราช หลังพระปรมาภิไธย ภปร.เนื้อเงิน (หลวงปู่โต๊ะ ร่วมปลุกเสก) สร้างโดยกองทัพภาคที่ 3 โคท ๑๔๒ ปี2517 พร้อมกล่องเดิม นิยม หายาก
รายละเอียด
เหรียญรูปอาร์ม พระพุทธชินราช หลังภปร. กองทัพภาค 3 เนื้อเงิน ปี 2517 หมายเลข “๑๔๒” สภาพสวยสมบูรณ์ เดิมฯ นิยม หายากมาก
เมื่อ ปี 2517 ทางกองทัพภาคที่ 3 จังหวัดพิษณุโลก ได้ขอพระบรมราชานุญาตในการจัดสร้างเหรียญในหลวงทรงผนวช และเหรียญพระพุทธชินราชในรูปลักษณ์ที่เป็นแบบรูปอาร์ม
ด้านหน้า ประดิษฐ์ฐานพระพุทธชินราชเต็มองค์ ศิลปะการแกะแม่พิมพ์แบบนูนต่ำ มีความสวยงาม คลาสสิคในตัวเอง
ด้านหลัง ประดับตราสัญลักษณ์พระปรมาภิไธยย่อ ภปร. ภายใต้พระมหาพิชัยมงกุฎเปล่งรัศมี
โดย "นับเป็นครั้งแรกที่มีการจัดสร้างในรูปลักษณ์แบบนี้"
ถ้าพิจารณาจากที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นว่าเหรียญทรงอาร์มที่จัดสร้างโดยกองทัพภาค 3 เป็นเหรียญที่มีอัตลักษณ์โดดเด่น มีรูปแบบ และรูปทรงที่สวยงาม อีกทั้งจัดสร้างโดยหน่วยงานของกองทัพบก มีความสวยงามประณีต อีกทั้งมีจำนวนสร้างที่จำกัด โดยเฉพาะเนื้อโลหะสำคัญ เช่น ทองคำ และ เงิน (มีการสลักหมายเลขประจำเหรียญไว้ด้านล่าง) พบเห็น หรือหมุนเวียนในวงการฯ น้อยมาก
จัดเป็นเหรียญทรงคุณค่า มิ่งมหามงคล ที่ควรค่าแก่การสักการะบูชา ในภายภาคหน้าจักเป็นเหรียญสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญยิ่งแห่งอาณาจักร และ ศาสนจักร แห่งสยามประเทศ
ประวัติการสร้างเหรียญในหลวงทรงผนวช เหรียญชินราช และเหรียญสมเด็จพระนเรศวรหลังสมเด็จพระเอกาทศรถ รวมถึงพระกริ่งชินราช ภปร. แม่ทัพภาค 3 ปี 2517
ในคราวนั้น รัชกาลที่9 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ "พล.ท.สำราญ แพทยกุล แม่ทัพภาคที่ 3" จัดสร้างวัตถุมงคล พระบูชาพระพุทธชินราช ภปร.(พระบูชาชินราชกองทัพภาค 3) ขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อหารายได้ในการจัดตั้งมูลนิธิ "บารมีปกเกล้า" เพื่อช่วยเหลือ ทหาร ตำรวจ อส. และครอบครัวผู้เสียชีวิต จากการปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ และปฏิสังขรณ์วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ รวมถึงพระบรมราชานุสาวรีย์ในค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
โดยเสด็จพระราชดำเนินพร้อมสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเททองชนวน เพื่อจัดสร้างพระพุทธชินราช ภปร. และวัตถุมงคลชนิดอื่น ๆ ในรุ่นนี้ ณ มณฑลพิธีวัดสุทัศนเทพวราราม กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2516 เวลา 19.49 น. โดยมี สมเด็จพระสังฆราช (ป๋า) วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามเป็นประธานสงฆ์
ในขณะนั้นอากาศก็เย็นสบาย ยังความผ่องใสแก่ผู้ร่วมพิธี และพสกนิกรที่ไปเข้าเฝ้าครั้งนั้นไปโดยทั่วกัน แต่ขณะเดียวกันกลับปรากฎเหตุ "ท้องฟ้าทางภาคเหนือ" (ตรงจุดที่ตั้งกองทัพภาคที่ 3) เกิดมี "ฟ้าแลบฟ้าร้อง" ดังสนั่นหวั่นไหวอยู่ตลอดเวลา กระทั่งพิธีเททองเสร็จสิ้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯกลับแล้ว "ฟ้าแลบฟ้าร้อง" จึงสงบลง ครั้นพอถึงเวลา 17.55 น. "พระวิสุทธิวงศาจารย์" (เสงี่ยม จันทสิริมหาเถระ) เจ้าอาวาสวัดสุทัศน์ฯ ในขณะนั้น (ภายหลังได้รับพระราชทานสถาปนาเป็นสมเด็จ พระราชาคณะที่สมเด็จพระพุฒโฆษาจารย์) ดับเทียนชัยพิธีพุทธาภิเษกแล้ว ทั้งยังได้มอบเงิน "5,000 บาท" เพื่อสมทบทุนมูลนิธิ "เย็นศิริเพราะพระบริบาล" อีกด้วย พร้อม ๆ กับ "สายฝน" ได้โปรยปรายมาอย่างหนัก จนน้ำนองรอบ ๆ ระเบียงพระอุโบสถ ทั้ง ๆ ที่บริเวณอื่นที่อยู่ใกล้เคียง วัดกลับมีฝนตกเพียงประปรายเท่านั้น นับเป็นปรากฎการณ์ที่ "ประหลาดอัศจรรย์" แก่ผู้ไปร่วมพิธีโดยทั่วหน้ากัน
จากนั้นนำมาประกอบพิธีมหาพุทธาภิเษกอีกครั้ง ณ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร เมืองพิษณุโลก เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2517 พระเกจิอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณแห่งยุคนั้นจำนวน 45 รูป นั่งปรกปลุกเสกวัตถุมงคล
วัตถุมงคลในครั้งนั้นประกอบด้วย
1) พระบูชาพระพุทธชินราช ภปร. ขนาดบูชา 5 นิ้ว และ 9 นิ้ว ลงรักปิดทอง ฐานด้านหลังประดับตราสัญลักษณ์กองทัพภาคที่ 3 จ.ส.อ.ดร.ทวี บูรณะเขต์ เป็นผู้ปั้นแบบพระ
2) พระกริ่งพระพุทธชินราช ภปร. เนื้อทองคำ เนื้อเงิน และเนื้อนวโลหะ (หมายเลขประจำองค์ใช้การแกะสลัก)
3) เหรียญพระพุทธชินราชหลังอักษรพระปรมาภิไธย ภปร. (เหรียญอาร์ม) เนื้อทองคำ เนื้อเงิน เนื้ออัลปาก้า และ เนื้อทองแดง
4) เหรียญในหลวงทรงพระผนวชหลังอักษรพระปรมาภิไธย ภปร. (เหรียญอาร์ม) เนื้อทองคำ เนื้อเงิน เนื้ออัลปาก้า และ เนื้อทองแดง\ (เหรียญเนื้อทองคำเป็นเหรียญอาร์มพิมพ์เล็ก เหรียญเนื้อเงิน เป็นพิมพ์กลาง ส่วนเหรียญทองแดง และอัลปาก้า เป็นเหรียญพิมพ์ใหญ่)
5) เหรียญพระพุทธชินราช ด้านหลังพระบรมรูปในหลวงทรงพระผนวชเนื้อนวโลหะ(หมายเลขประจำองค์พระแกะสลักด้วยมือ) เป็นเหรียญที่แจกสมนาคุณแก่กรรมการที่มีส่วนร่วมในการจัดสร้าง)
พิธีมหาพุทธาภิเษกได้นิมนต์พระเกจิอาจารย์เลื่องชื่อมาอย่างมากมาย อาทิเช่น หลวงปู่โต๊ะ หลวงพ่อเนื่อง หลวงพ่อนอ หลวงพ่อเทียม หลวงพ่อพริ้ง หลวงพ่อกี๋ เป็นต้น
ชนวนมวลสารที่นำมาหล่อหลอมเป็นทองชนวนเพื่อนำมาใช้ในการหล่อและปั๊มเหรียญนั้น ได้รับความเมตตาจากพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคมในการจารอักขระยันต์ลงบนแผ่นโลหะเป็นจำนวนมาก
จัดเป็นพิธีพุทธาภิเษกที่ยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่งของวัดศรีรัตนมหาธาตุฯ จังหวัดพิษณุโลก อีกทั้งเป็นรุ่นที่มีพิธีมหาพุทธาภิเษกอย่างยิ่งใหญ่ถึง 2 ครั้ง
ครั้งแรกที่...วัดสุทัศน์เทพวราราม กรุงเทพมหานคร
ครั้งที่สองที่...พระวิหารหลวงพระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2517
โดยสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช(วาสนมหาเถระ) วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ทรงประกอบพิธีจุดเทียนชัยมหาพุทธาภิเษก และมี "พระคณาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณ" ร่วมพิธีพุทธาภิเษกจำนวน 45 รูป อาทิ 1.พระภาวนาโกศลเถระ วัดปากน้ำภาษีเจริญ 2.พระโพธิวรคุณ (ไพฑูรย์) วัดโพธิ์นิมิต 3.พระราชมุนี (มหาบุญโฮม) วัดปทุมวนาราม 4.พระสังวรวิมลเถระ (หลวงปู่โต๊ะ) วัดประดู่ฉิมพลี 5.พระครูพิพิธวิหารการ (หลวงพ่อเทียม) วัดกษัตราธิราช 6.พระครูรักขิตวันมุนี (หลวงพ่อถิร) วัดป่าเลไลย์ 7.พระครูญาณวิจักษ์ (พระอาจารย์ผ่องจินดา) วัดจักรวรรดิราชาวาส 8.พระครูนนทกิจวิมล (หลวงพ่อชื่น) วัดตำหนักเหนือ 9.พระครูกิตตินนทคุณ (หลวงพ่อกี๋) วัดหูช้าง 10.พระครูโกวิทสมุทรคุณ (หลวงพ่อเนื่อง) วัดจุฬามณี 11.พระครูสุตาธิการี (หลวงพ่อทองอยู่) วัดใหม่หนองพะอง เป็นต้น
วัตถุมงคลทั้งหมดได้ทำการตกแต่งเพื่อความสวยงามร่วม 1 ปีจึงแล้วเสร็จ ก่อนออกนำให้พุทธศาสนิกชน และประชาชนทั่วไปได้เช่าบูชา
ราคานี้ยังใม่รวมค่าส่ง ems 50บาท ต่อการสั่งซื้อ 1 ครั้ง ขอบคุณที่สั่งซื้อ สินค้าจากทางร้าน มีปัญหากับสินค้าที่สั่งซื้อ ยินดีรับคืนเต็มจำนวน
(ผู้ซื้อจะต้องออกค่าใช้จ่ายในการส่งสินค้ากับมาคืน)